Sunday, January 31, 2016

ฝรั่งมาบ้าน : ตอนพิเศษ ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับ Couch Surfing

สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านนะคะ

ถ้าจำกันได้ ฝรั่งมาบ้าน episode 1 หน่อยเคยบอกว่าจะอธิบายเรื่อง couchsurfing ให้ทุกท่านอ่านกัน
ประกอบกับตอนที่แล้วได้รับผลตอบรับที่ดีมาก จนมีคนสนใจการท่องเที่ยวแบบนี้มากขึ้น

วันนี้จะมาอธิบายไขข้อข้องใจให้ทุกท่านได้อ่านกันตามประสบการณ์ที่หน่อยเป็น host มา 2 ครั้งนะคะ

หมายเหตุ: ไปอ่านซี่รี่ยส์ฝรั่งมาบ้านทั้งสองตอนได้ทางลิงค์ทางข้างขวา ใต้รูป profile ของหน่อยได้เลยค่ะ



Couchsurfing มันคืออาไยเหยอ (ทำเสียงเหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสาจะให้อรรถรสมากขึ้นค่ะ)

แปลตรงตัวเลยนะคะ 

Couch แปลว่า โซฟา ที่เราใช้นั่งเล่นหรือรับแขกนั่นแหละค่ะ
Surfing แปลแบบบ้านๆ คือ การโต้คลื่น แต่ในที่นี้คือการท่องไป (เหมือนการท่องไปในอินเตอร์เน็ตนั่นแหละค่ะ)

แปลรวมๆ คือ การท่องเที่ยวแบบโซฟา

(ภาษาอังกฤษหล่อนดีมากเลยนะยะ - -")

ล้อเล่นค่ะ หมายถึงการท่องเที่ยวแบบขอไปนอนพักตามบ้านสมาชิก cs (ขออนุญาตย่อคำว่า couchsurfing เป็น cs นะคะ)ทั่วโลก แบบฟรีๆ ซึ่งอาจจะนอนที่โซฟาตรงตามชื่อเว็บ
หรือถ้ามีห้องว่างๆ แบ่งให้นอนก็ยิ่งดีค่ะ  ซึ่งเราจะได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันกับผู้พักอาศัยค่ะ

ถ้าไม่สะดวกที่จะให้คนแปลกหน้าเข้ามาพัก แต่ก็ยังอยากรู้จักเพื่อนใหม่ๆ ก็สามารถเป็นไกด์อย่างเดียวก็ได้ค่ะ


อุ๊ย ฟังดูน่าสนใจจังเลย แล้วสมัครยังงัยอะ

เข้าเว็บไซต์ของ cs (www.couchsurfing.com) ได้เลยค่ะ วิธีการสมัครไม่ยาก 
เค้าจะให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัว ตอบคำถามที่แสดงถึงการใช้ชีวิตของเรา ความชอบ ความสนใจ 
และมีการตั้งค่าต่างๆ เช่น บ้านของเรารับคนได้กี่คน สามารถสูบบุหรี่ได้มั้ย มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง
 อ้อ อย่าลืมลงรูป profile และรูปบ้านของเรา เยอะๆ ด้วยนะคะ  

อยากเป็นโฮสต์บ้าง ต้องรับคนยังงัย

เข้าเมนูที่ชื่อ travelers แล้วลองเลือกดูเลยค่ะ

ขออนุญาตไม่อธิบายการใช้โปรแกรมนะคะ คิดว่ามันใช้ไม่ยากนะ

เลือกคนมาพักได้แล้ว แล้วเราจะดูแลคนที่มาพักกับเราขนาดไหนล่ะ

อันนี้แล้วแต่ตกลงกันค่ะ ควรจะตกลงกันตั้งแต่ก่อนมาพักค่ะ ว่าเรามีข้อจำกัดอะไรบ้างหรือเค้าต้องการอะไรบ้าง
โดยตกลงผ่าน inbox ของ cs

เช่นตอนป้าแครี่มาพัก ป้าถามว่าขอสูบบุหรี่ได้มั้ย เป็นต้น

อยากรับคนเข้าบ้านนะ แต่มันจะอันตรายไปมั้ย

อันตรายค่ะ พูดตรงๆ เลยว่ามันเสี่ยงที่จะเจอคนไม่ดี
ก่อนที่หน่อยจะตัดสินใจรับคนเข้ามาพักหน่อยก็ไปเสิร์ชดู feedback ของคนที่เค้าเคยทำมาก่อนนะคะ
มีทั้งดีบ้างไม่ดีบ้าง เรื่องไม่ดีก็เช่น มี host ผู้ชาย ที่ข่มขืน นักท่องเที่ยวผู้หญิงบ้าง
คุณผู้ชาย ก็อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจไป เคยมีคนบอกว่าเกือบโดน host ผู้ชายทำมิดีมิร้ายก็มี
หรือ host ผู้ชายเจอผู้หญิงที่มาพักอาศัยมาติดพันจนไม่ยอมกลับประเทศก็มี

เฮ้ย อันตรายขนาดนี้เอ็งยังจะรับคนเข้าบ้านอีกเหรอวะ

หน่อยเป็นลูกทะเลค่ะ (ดูจากบ้านเกิดและนามสกุลก็น่าจะเดาได้แล้วเนอะ) ถึงไม่เคยออกทะเลไปหาหอยหาปลาแบบรุ่นพ่อรุ่นแม่ แต่ก็พอจะเข้าใจว่าเวลาที่เราจะออกเรือไปในทะเล
เราต้องดูฟ้า ดูฝน และดูคลื่นลมให้ดีก่อน ถ้าเราเห็นว่าลมแรงเกินไป คลื่นสูง เสี่ยงที่เรือจะอับปาง เราก็คงจะไม่ออกเรือ
การรับสมาชิก couchsurfing เข้าบ้านก็เช่นกัน(มันก็โยงกันได้เนอะ) ถ้าเราเห็นว่าโปรไฟล์ของใครดูไม่น่าไว้วางใจ lifestyle ไม่น่าจะคุยกันรู้เรื่อง ก็อย่ารับ

โปรไฟล์มันจะเขียนอะไรก็ได้ป่าววะ จะโม้อะไรก็ได้ แล้วเราจะดูจากอะไรได้อีก

ถูกต้องที่สุดค่ะ โลกอินเตอร์เน็ต(ถึงไม่ใช่ cs ก็เถอะ) ใครจะเขียนอะไรก็ได้ ตราบใดที่นักสืบพันทิปหรือนักสืบในโลกไซเบอร์ไม่ตามสืบ คุณก็ไม่รู้ว่าใครพูดจริงหรือโกหก แล้วเราจะดูได้จากอะไร

เกณฑ์ที่หน่อยพิจารณาเพิ่มเวลารับนักท่องเที่ยวคือ

1. ดูจากรูป profile เพราะรูป profile ของ cs สามารถลงได้หลายรูป หน่อยเชื่อว่ารูปถ่ายในหลายๆ อิริยาบท หลายๆ สถานที่ สามารถบ่งบอกอะไรเกี่ยวกับคนๆ นั้นได้บ้าง เช่นท่าทางเป็นมิตรหรือไม่  life style ประมาณไหน
ตรงกับสิ่งที่เขียนรึเปล่า

2. reference ถ้านักท่องเที่ยวคนนั้นเคยมีคนเขียน reference ให้แล้ว ลองเข้าไปอ่านดู ยิ่งทำให้เราตัดสินใจง่ายขึ้น ยิ่งถ้ามีดาวสีเขียวๆ ที่เขียนว่า "would surf again" ยิ่งตัดสินใจง่ายขึ้นค่ะ

เรื่องเล่าจากประสบการณ์ตรง: ก่อนหน้าป้าแครี่ หน่อยเคยจะรับผู้หญิงอังกฤษคนนึงมาพักด้วย กด request ไปแล้ว แต่พอไปอ่าน reference ส่วนใหญ่ดีก็จริง แต่มีอันนึงที่ไม่ดี เลยตัดสินใจ cancel ดังนั้นหน่อยว่า cs ที่เป็นสมาชิกมานาน จะห่วงเรื่อง reference มาก

เย้ เจอคนที่น่าสนใจแล้ว กดรับเค้าเป็น guest แล้ว ทำไงต่อ

อย่างที่บอกค่ะ  นัดแนะตกลงกันทาง inbox ก่อน  แนะนำว่าอย่าให้ที่อยู่หรือพิกัดของเราไปให้เค้าอย่างเด็ดขาด
ให้นัดกันสถานที่ชุมชนใกล้ๆ ที่สะดวก เช่น ห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟฟ้า หรือสนามบิน  เพราะถ้าเราเจอครั้งแรกแล้วเห็นท่าไม่ดีจะได้ชิ่งง่ายๆ อีกอย่างอยู่ในที่คนเยอะๆ ถ้าเค้ามาด้วยวัตถุประสงค์ไม่ดีก็คงทำอะไรลำบาก 

พอรับเค้ามาแล้ว(ในกรณีที่ดูแล้วว่าไม่มีพิษมีภัยนะ) พาเค้ามาที่บ้าน บอกเค้าว่าจะให้นอนตรงไหน ใช้อะไรในบ้านได้บ้าง กฎของบ้านเราคืออะไร จะแพลนไปไหนกันบ้าง ฯลฯ

เรื่องเล่าจากประสบการณ์ตรง 2: ทั้งป้าแครี่และเรเชลมีประสบการณ์ใน cs ค่อนข้างเยอะมากทั้งการเป็น host และ guest ซึ่งทั้งสองคนแทบไม่ต้องอธิบายอะไรมาก รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ ให้พื้นที่ส่วนตัวกับหน่อยค่อนข้างเยอะ  นี่คือสาเหตุที่ทำไมเราควรดู reference เป็นสิ่งสำคัญ

เค้ากลับไปแล้ว หมดเรื่องแล้วสินะ

ยังค่ะ ยังไม่หมด ในอีเมล์ที่เราใช้สมัคร cs จะมีอีเมล์มาให้เรา reference เกี่ยวกับคนที่มาพัก
ขอให้ตอบตามความเป็นจริง เพื่อประโยชน์แก่สมาชิก cs ทุกคนค่ะ

ซึ่งทางคนที่มาพักกับเราก็จะเขียน reference ให้กับเราเช่นกัน

แล้วถ้าอยากไปพักบ้านคนอื่นบ้าง ต้องปฏิบัติตัวยังงัย

หน่อยยังไม่มีประสบการณ์การไปพักบ้าน cs คนอื่นค่ะ ไว้ถ้ามีโอกาสจะมาเล่าให้ฟังนะคะ


ที่เขียนตอนพิเศษนี้ขึ้นมา หน่อยไม่ได้เชียร์ให้ทุกคนจะต้องเป็นสมาชิกของ cs นะคะ
หน่อยมาบอกเล่าตามประสบการณ์และที่หน่อยเคยหาข้อมูลมาให้ทุกคนได้หายสงสัย
จะเห็นได้ว่ามีทั้งด้านที่ดี ที่น่าสนใจ และด้านที่น่ากลัวอยู่
ขอให้ทุกคนที่สนใจ cs นี้ลองนำข้อมูลนี้ไปตัดสินใจก่อนนะคะ

ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ














Friday, January 22, 2016

ฝรั่งมาบ้าน : Episode 2 เรเชล (Rachel)

สวัสดีมิตรรักแฟน blog ทุกท่านนะคะ

ทีแรกว่าจะเขียน 2 ภาษา เพื่อให้คุณเจ้าของเรื่องอ่านได้ แต่เกรงว่าปีหน้าก็คงไม่เสร็จ เลยขอเขียนภาษาเดียวนี่ล่ะ

สำหรับ ฝรั่งมาบ้านตอนนี้เป็นสาวน้อยน่ารักจากรัฐOhio เมืองลุงแซม ชื่อว่า เรเชล (จริงๆ ออกเสียงว่า เรชเชล นะจ๊ะเด็กๆ)  จากการพูดคุยกันใน couchsurfing เราตกลงกันว่า จะเจอกันที่ bts bearing ตอนประมาณ สี่ทุ่ม แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่างทำให้เราเจอกันช้าไปเกือบๆ ชั่วโมง นางมีสีหน้าอิดโรยเล็กน้อย แต่พอดิชั้นโบกไม้โบกมือเพื่อเป็นสัญญาณว่า ชั้นมารับเธอนะ นางก็พอจะยิ้มออกได้ สอบถามได้ความว่านางนั่งรถตู้มาจากกัมพูชา กว่าจะข้ามเขตมาไทย เสียเวลาไปหลายชั่วโมง เลยทำให้มาช้า 




พอเรานั่งแท๊กซี่จากรถไฟฟ้ามาที่คอนโด ดิชั้นซึ่งยังไม่ได้กินข้าวเย็นเห็นรถขายขนมจีนมาขายหน้าคอนโดเลยชวนเรเชลซื้อไปกินบนห้อง แนะนำนางว่ากินน้ำยากะทิเถอะเพราะมันไม่เผ็ดมาก ส่วนดิชั้นต้องน้ำยาป่าเท่านั้นค่ะ  พอถึงห้องเท่านั้นล่ะ นางอุทานว่า "โห วอลเปเปอร์สวยจัง ชั้นชอบมากเลยนะ" ว่าแล้วนางก็เขาไปใกล้ๆ แล้วลูบคลำมันอย่างจริงจัง แหม คนเลือกลายนี้มันรสนิยมดีจริงๆ (หลงตัวเองจังวุ้ย)

หลังจากนางวางข้าวของและล้างมือแล้ว เราก็จัดการกับขนมจีนที่ซื้อมากันอย่างเอร็ดอร่อย นางกินเกลี้ยงเลย ดีใจ๊ดีใจ ระหว่างทานอาหารนางถามว่า "ยูเรียนภาษาอังกฤษมาจากไหน" แล้วเราก็คุยกันยาวเกี่ยวกับเรื่องภาษาอังกฤษและสำเนียงต่างๆ จากนั้นเราก็จัดการธุระของตัวเองและแยกย้ายกันเข้านอน

หมายเหตุ 1: ทุกครั้งที่นางจะเข้าห้องน้ำนางจะถามก่อนว่า หน่อยจะเข้าก่อนมั้ย นางมีมารยาทและความเกรงใจดีเลิศ เอาคะแนนไปเลย 10 เต็ม 

เช้าวันต่อมา หน่อยตื่นมาพบกับนางที่นั่งบนโซฟา พร้อมหมอน ผ้าห่ม ที่พับเป็นระเบียบเรียบร้อย (เยี่ยม! เอาไปอีก 10 คะแนน) นางบอกว่าวันนี้นางจะไปวัดพระแก้วแล้วเธอล่ะจะไปไหน หน่อยเลยบอกว่า ชั้นไม่มีแผนหรอกเดี๋ยวไปกับยูก็ได้ (จริงๆ ไม่ใช่อะไร กลัวเค้าโดนหลอก) เราเลยเตรียมตัวมุ่งหน้าไปรถไฟฟ้าโดยการเดิน

หน่อย: วันนี้อากาศร้อน ยูจะเดินหรือจะนั่งมอไซค์หรือแท๊กซี่ก็ได้นะ
เรเชล : โอย ถ้าไอกลัวร้อน ไอจะมาเมืองไทยทำไม

เอาไปอีก 10 คะแนนโลด

พอถึงวัดพระแก้ว นางก็ตื่นตาตื่นใจกับความงดงามเช่นเดียวกับคนอื่นๆ









หลังจากชมความงดงามของวัดพระแก้วแล้ว เราเดินทางต่อไปยังวัดโพธิ์ 
พอนางเห็นพระพุทธไสยาส เท่านั้นล่ะ นางก็อุทานว่า "oh-my-bhuddha"







นางบอกว่า กล้วยไม้สวยดี

หลังจากหลงในวัดโพธิ์แล้ว นางบอกว่าอยากไปเยาวราชเพราะนางชอบกิน street food เวลาขณะนั้นประมาณ 5 โมงเย็น 
หน่อยบอกว่ามันเร็วไป ต้องไปตอนมืดๆ หน่อย ก็เลยเสนอว่าไปท่ามหาราชก่อนที่จะไปเยาวราช






เราพยายามหาร้านริมแม่น้ำซักพักแล้ว ก็มาจบที่ร้านเสวยค่ะ



ร้านนี้มีทั้งอาหารและของหวานแบบฟิวชัน สิ่งที่เราสั่งมาคือ



ทับทิมกรอบกับพานาคอตต้า  อร่อยใช้ได้



บัวลอยกับไอติมแถมข้าวตังเป็นท้อปปิ้ง  อร่อยมากค่ะ แนะนำอันนี้เลย



อันนี้อัญชันตะไคร้ของหน่อยเอง ส่วนของเรเชลเป็นกาแฟโบราณไม่ได้ถ่ายมา

มีพลังขึ้นนิดนึงละ ไปถ่ายรูปเล่นแถวๆ นี้ก่อน





ฟ้าใกล้มืดเราเลยตัดสินใจว่าจะเริ่มเดินไป เยาวราชกัน

ใช่ค่ะ อ่านไม่ผิดค่ะ เราจะ"เดิน" จากท่ามหาราชไปเยาวราช

แต่ระหว่างที่เรากำลังจะออกจากท่ามหาราชนั้น เรเชลดันเหลือบไปเห็นแผนที่เกาะรัตนโกสินทร์ และในนั้นมีรูปเสาชิงช้าด้วย

นางบอกว่าอยากไปเสาชิงช้า  ได้ค่ะ จัดให้  เปิด navigator มุ่งหน้าสู่วัดสุทัศน์กันเลย



แยกตรงศาลหลักเมือง มันเบลอๆ หน่อยนะคะ (เบลอว่ารักแถบอะ)

เดินคุยกันไปกันมา แป๊บเดียวก็ถึงแล้วจ้า



พอเรเชลเห็นเสาชิงช้าของจริง นางทำหน้าผิดหวังนิดๆ "อ้าว เค้าไม่ได้เอาไว้เล่นชิงช้าจริงๆ เหรอ"
ต้องอธิบายสักพักว่า มันเป็นพิธีโบราณทางพราหมณ์นะยู เดี๋ยวนี้เค้าไม่มีพิธีนี้แล้ว

แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ มาเที่ยวเสาชิงช้าวันนี้แถมฟรี ไฟประดับ 39 ล้านบาท!!!





เรเชลปลื้มปริ่มกับไฟมาก นางบอกว่าสวยดีนะ ยูว่ามั้ย ชะนีเอเชียได้แต่กัดฟันแล้วตอบว่า "ใช่"

ชื่นชมกับไฟแล้ว เราทั้ง 2 เดินไปเยาวราชกันจริงๆ ซะที

หมายเหตุ 2: เรเชลนางเดินเก่งมาก ไม่บ่นเมื่อยบ่นหิวอะไรเลย เจ๊ชอบบบบ เอาไปอีก 10 คะแนน

ระหว่างทาง ผ่านสวนรมย์มณีนาถ เราแวะเข้าไปเดินเล่น แป๊บนึง 

เรเชล: สวนนี้น่ารักดีนะ
หน่อย: ช่าย ไอชอบเหมือนกัน แต่สวนนี้เคยเป็นคุกมาก่อนนะ
เรเชล: เหรอ ดีจัง สร้างสวนสาธารณะก็ดีกว่าสร้างคุกแหละเนอะ

เราหาทางออกจากสวนอยู่พักนึง เรเชลบอกว่าที่นี่มันเคยเป็นคุกเราเลยหาทางออกลำบาก (ว่าไปนั่น)

เราเดินอีกพักใหญ่ จนมาถึงเยาวราชแล้วเย้ๆ



เดินกันเลือกร้านกันนาน เพราะมีแต่อาหารทะเล ซึ่งเป็นสิ่งที่เรเชลไม่ชอบ
จนสุดท้ายเรามาจบที่ร้านต้มเลือดหมู  เราสั่งเกาเหลาคนละชามพร้อมข้าวสวย



เรเชล: (ตักก้อนเลือดหมูขึ้นมา) นี่อะไรอะ
หน่อย: เลือดไง
เรเชล: เลือด?
หน่อย: ใช่เลือด ลอ ลิง สระเอือ ดอเด็ก เลือด
เรเชล: ประหลาดมากอะ ขอชิมก่อนนะ
 
นางค่อยๆ ตัดก้อนเลือดเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วใส่ปาก ทำหน้าเหยเกเล็กๆ

เรเชล: มันแปลกๆ อะ 
หน่อย: ถ้ายูไม่ชอบ ตักมาให้ไอก็ได้ ไอชอบกิน เพราะไอเป็น แวมไพร์

สงสัยอีแวมไพร์ตัวนี้ไม่ได้ดูดเลือดอย่างเดียวล่ะมั้ง บวมเชียว

หมายเหตุ 3: เรเชลชอบกินเบียร์มาก มื้อนี้นางซื้อเบียร์จากเซเว่นมากินด้วย หน่อยก็ฝากนางซื้อโค้ก เพราะต้องเฝ้าโต๊ะ  พอนางกลับมา นางบอกว่า "ไอเห็นกระป๋องมันเล็กกว่าปกติ ไอเลยซื้อมา 2 " จ๊ากกก นี่มันไซส์ปกติของโค้กกระป๋องเมืองไทยน้าาาา เรเชล ไอตัวใหญ่ก็จริง แต่ไอกินโค้กกระป๋องเดียวก็อืดแล้วนะ

พอเราจัดการอาหาร(และเบียร์) เรียบร้อยแล้ว เราก็นั่งแท๊กซี่กลับบ้าน

เมื่อถึงคอนโด เราแวะเซเว่นเพื่อตุนของไว้กินตอนเช้า  นางมุ่งตรงไปตรงชั้นวางเลย์

หน่อย: เรเชล หาอะไรเหรอ
เรเชล: หารสน้ำตกหม้อไฟ (Namtok Hotpot Flavored) เนี่ยมันอร่อยมากเลยนะ


ขอบคุณภาพจาก www.ebay.com ค่ะ


เราสองคนช่วยกันหาอยู่นานก็ไม่เจอ นางทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย

หมายเหตุ 3: เรเชลกลับไปจะ 2 อาทิตย์ละ หน่อยก็ยังหารสนี้ไม่เจอ ใครพบเจอที่ไหนบอกพิกัดกันบ้างนะคะ

หมายเหตุ 4: บริษัท เป๊บซี่-โค คะ กรุณาผลิตรสนี้เพิ่มด้วยค่ะ อิชั้นอยากลองจริงๆ ถ้าเป็นไปได้ส่งไปเปิดตลาดที่เมกา รัฐโอไฮโอ ด้วยค่ะ เรเชลไปบรรยายสรรพคุณให้เพื่อนนางที่โน่นจนอยากกินกันไปหมดแล้วค่ะ


วันต่อมาเป็นวันจันทร์ซึ่งหน่อยทำงาน หน่อยเลยทิ้งกุญแจห้องให้เรเชล พร้อมโทรศัพท์สำรอง 
พอใกล้เลิกงานเลยส่งข้อความไปถามว่าจะกินข้าวกันมั้ย
แต่นางโทรกลับมาว่าอยู่พารากอนกับเพื่อนของนาง

หน่อยเลยไปเจอกับทั้งคู่ แล้วเพื่อนของนางก็อาสาขับรถมาส่งที่คอนโด ซึ่งนางเห็นลูกชิ้นทอดที่หน้าคอนโดนางก็ตื่นเต้นมาก ลองซื้อมาทุกแบบเลย เราเลยเสนอว่าไปกินที่สระว่ายน้ำของคอนโดกัน  นางแฮปปี้มากนั่งกินไปเมาท์ไป ดื่มเบียร์ไป 

หมายเหตุ 4: นางชอบเบียร์ช้าง และนางต้องซื้อขวดใหญ่ เพราะมันถูกกว่า

หมายเหตุ 5: ชั้นอยากพานางไปดวลเบียร์กับน้องชายคนเล็กของดิชั้นจัง สูสีกันมาก

นางบอกว่านางชอบ ไส้กรอกไก่ที่สุด รองลงมาคือไส้กรอกหมูค้อกเทลสีแดงๆ 

พอไส้กรอกหมด เบียร์หมด นางถามว่า "ยูเล่นไพ่เป็นปะ"

เรเชล ยูไม่รู้ซะแล้ว ว่ายูพูดอยู่กับใคร (นั่นสิ ใครวะ) ไอนี่ลูกหลานเกาจิ้งเลยนะ 

แล้วเราก็ขึ้นห้อง พร้อมเบียร์อีกขวด ไปเล่นไพ่สปีดกัน




ใครชนะเหรอคะ?

ถามมาได้ ก็เรเชลน่ะสิ - -" (โถ่ ไหนว่าลูกหลานเกาจิ้งวะ)

ก่อนนอนเรเชลบอกว่า พรุ่งนี้ตอนเย็นๆ นางจะขึ้นเครื่องไปศรีลังกาแล้ว อยากให้ยูปลุกไอเพื่อบอกลาหน่อยนะ
เราก็ ได้สิ แล้วต่างคนต่างก็เข้านอน

ตื่นเช้ามา เรเชลดูนอนหลับสนิทมาก หน่อยเลยขอผิดสัญญาไม่กล้าปลุก แอบเสียดายเหมือนกัน
นานๆ จะเจอคนที่น่ารัก และเข้าอกเข้าใจกันขนาดนี้
สุดท้ายเราก็บอกลากันผ่าน facebook messenger แทน 

วันนั้นกลับห้องมาแอบเหงาเล็กๆ แต่ก็รู้สึกยินดี ที่เราได้รู้จักกัน

หลายๆ คนอาจจะสงสัยนะคะ ว่าเราให้คนแปลกหน้าเข้ามาพักในบ้านเราฟรีๆ แบบนี้เราได้อะไร
สำหรับหน่อย การที่ได้ต้อนรับเรเชลครั้งนี้หน่อยได้อะไรหลายๆ อย่างนะ

เรเชลทำให้หน่อยมองเห็นความงามของสิ่งรอบๆ ตัว ที่หน่อยมักจะมองข้ามเสมอๆ 
เรเชลสะท้อนภาพให้หน่อยเห็นว่า การอาศัยอยู่กับผู้อื่นให้คนอื่นรักต้องทำอย่างไร
เรเชลแสดงการคิดที่เป็นระบบและจัดการสิ่งต่างๆเป็นระเบียบให้หน่อยเห็นเสมอๆ
เรเชลมักจะมีความสุขง่ายๆ กับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว ทำให้หน่อยกลับไปมองตัวเองว่าบางทีเราก็ใช้ชีวิตยากไปนะ

เชื่อว่าเราคงจะได้พบกันอีก (ถ้าเรเชลเค้าอยากเจอหน่อยนะ ฮ่าๆ) 

จบแล้วกับการต้อนรับฝรั่งวันนี้
ครั้งหน้าจะเป็นเรื่องอะไร คอยติดตามค่ะ





























Friday, January 15, 2016

ชีวิตเรียบง่าย ที่ จังเกิ้ลราฟท์ รีสอร์ท (Simple life @ Jungle Raft Resort)กาญนะจ๊ะบุรี

คุณคิดว่าคุณจะใช้ชีวิตได้หรือไม่ ถ้าที่พักของคุณ...
1 อยู่บนบ้านเรือนแพในแม่น้ำท่ามกลางหุบเขาอันไกลโพ้น
2 ไม่มีไฟฟ้าใช้เลย ย้ำ ไม่มีเลย
3 สัญญาณโทรศัพท์มีน้อยมากกกกก สัญญาณเน็ต 3g 4g ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะประมูลกันมาแพง เอ๊ย มันอับสัญญาณ

ดิชั้นและเพื่อนๆ ได้รับประสบการณ์นี้มาแล้วค่ะ

ทริปนี้วางแผนกันเมื่อประมาณเดือน พย. และเดินทางกันเมื่อช่วงคริสต์มาส
มีสมาชิกทั้งหมด 5 คนถ้วน
เพื่อนคนที่เสนอสถานที่มา ก็บอกว่า "แกๆ มันไม่มีไฟฟ้าเลยนะแก"
"เฮ้ย เป็นไปได้เหรอ มันน่าจะมีเครื่องปั่นไฟซะหน่อยนะ" 
"ไม่มีจริงๆ แก"

ตายละ ชั้นจะเฉาตายกลางแม่น้ำแควน้อยมั้ยเนี่ย

พอถึงวันเดินทางเรานัดกันที่ BTS อารีย์ แล้วก็ขับรถไปที่จังหวัดกาญจนบุรี
ก่อนจะไปถึงท่าเรือ เรากินอาหารกลางวันกันที่ในตัวเมืองก่อน (จำไม่ได้ว่าร้านชื่ออะไร รู้แต่ว่ามีต้นบัวขายด้วย)



หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปยังท่าเรือของรีสอร์ททันที


เรือมีเป็นชั่วโมงละรอบค่ะ แต่ถ้ามีผู้โดยสารเพียงพอก็สามารถออกเรือได้
เรารอกันอยู่ที่ท่าไม่นานนักเรือหางยาวก็มารับค่ะ


นั่งเรือมาไม่นานก็ถึงรีสอร์ทของเราแล้ว เย่ๆ


จังเกิ้ลราฟท์รีสอร์ท เป็นรีสอร์ทแพไม้ไผ่ขนาด 60 ห้อง
ราคาห้องมีอาหารเช้าและเย็นรวมเบ็ดเสร็จแล้วค่ะ

หลังจากเช็คอินแล้วเราก็มาเจอกับทางเดินหน้าห้องแบบนี้



นี่เป็นทางเดินค่ะ มีแปลญวนผูกไว้ตลอดทาง (หย่อนจนก้นติดพื้นบ้าง พอดีบ้างแล้วแต่ชอบ) ทางขวาสุดเป็นโป๊ะมีเตียงนอนอาบแดด หรือรับลมค่ะ ประดับประดาด้วยต้นไม้กระถางพื้นบ้านหลากหลาย เช่น เฟื่องฟ้า ว่านกาบหอย
ดูสวยไปอีกแบบ

มาดูในห้องนอนกันบ้าง


หมายเหตุ: กรุณาอย่าโฟกัสไปที่กระเป๋าเป้และเสื้อแจ๊คเก็ตนะคะ ตอนนี้หน่อยอยากโฟกัสไปที่เรื่องงาน เอ๊ย ไม่ใช่ เรื่องห้องมากกว่า

ห้องตกแต่งแบบบ้านๆ ดีค่ะ มีมุ้งด้วย ไม่ได้นอนมุ้งนานแล้ว ได้มานอนแบบนี้อีกครั้งนึกถึงสมัยเด็กๆ ที่อยู่บ้านนอกเลย

มาดูหลังห้องกันบ้าง


มีเปลญวนเหมือนกันค่ะ ชิลได้อีก

ไม่มีไฟ แล้วจะทำกิจกรรมอะไรได้บ้าง?

ที่นี่มีกิจกรรมให้เล่นหลากหลาย เช่น


กระโดดน้ำจากแพต้นๆของรีสอร์ท แล้วกระแสน้ำจะพัดพาคุณไปเองค่ะ พอถึงแพท้ายๆ ก็ว่ายเข้าฝั่งแล้วเดินไปกระโดดใหม่  กิจกรรมง่ายๆ แต่สนุกมากค่ะ ช่วงที่ไปนั้นน้ำเชี่ยวพอสมควร พวกเราต้องกะระยะที่จะเข้าฝั่งให้ทัน (มันสนุกตรงนี้ล่ะ) เพราะถ้าไม่ทันแล้วเราอาจจะไหลไปไกล จนต้องให้เรือหางยาวไปรับค่ะ

กิจกรรมต่อมา นั่งรับลมที่โป๊ะหน้าห้อง คุณเพื่อนบอกว่าให้เอาเท้าจุ่มน้ำด้วย จะได้เหมือนเพลงนี้






หลังจากนั้นก็ได้เวลาอาหารเย็น ที่นี่จะรับประทานกันตอนทุ่มครึ่งค่ะ มีการตีฆ้องร้องป่าวบอกเวลาทานอาหารด้วย

พอกินข้าวเสร็จ พนักงานที่นี่ชักชวนให้ดูการแสดงการละเล่นของชาวมอญค่ะ (อ้อ ลืมบอกไปพนักงานที่นี่เป็นชาวมอญเกือบทั้งหมดค่ะ) มีค่าบัตร 160 บาท ซึ่งเรื่องเสียตังค์เราจะไม่ยุ่ง ฮ่าๆ

เมื่อเราไม่ตัดสินใจที่จะดูการแสดง พวกเราจึงหอบขนม และเบาะ (จากโป๊ะข้างๆ) มานอนโป๊ะหน้าห้องของพวกเรา นอนดูดาวดูพระจันทร์กัน ซึ่งวันนี้พระจันทร์สว่างมากเพราะเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ แต่ก็ยังพอเห็นดาวต่างๆ อยู่บ้าง



 เรานอนเมาท์กันสารพัดเรื่อง เรื่องดาวบนฟ้าบ้าง นินทาชาวบ้านบ้าง จนดึกพอสมควรแล้วก็แยกย้ายกันไปนอน

เช้าวันต่อมาหน่อยตื่นประมาณ 8 โมง ซึ่งสายกว่าเพื่อนที่เหลือเพราะเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ พวกนางนั่งทานอาหารเช้าเกือบจะอิ่มกันหมดแล้ว พอทานอาหารเสร็จ เราก็เห็นพนักงานที่นี่ให้อาหารปลาตะเพียนในแม่น้ำ


ปลาพวกนี้ว่ายทวนน้ำค่ะ มันพยายามว่ายสุดกำลัง สะบัดหางและครีบสุดแรง แต่ระยะทางไม่เคลื่อนที่ไปไหนเลย นี่สินะที่เค้าว่ามีแต่ปลาตายเท่านั้นที่ลอยน้ำ

กิจกรรมต่อไปพวกเราเดินข้ามสะพานหลังรีสอร์ทขึ้นไปบนฝั่งเพื่อจะไปหมู่บ้านมอญค่ะ  ที่นี่มีของขายทั้งผ้าทอของชาวมอญ แป้งทะนาคา และมีช้างให้นั่งด้วย


เราเดินกันซักพักก็กลับห้องเรือนแพของเราเพื่อจะ นอนค่ะ แต่นอนไม่ค่อยหลับเท่าไรเพราะคนโดดน้ำยังงัยก็ต้องเดินผ่านหน้าห้องเรา เราจึงตื่นขึ้นมาจับกลุ่มเมาท์มอยกินขนม กระโดดน้ำเล่นเหมือนเดิม  จนช่วงเย็นๆ สาวๆ ที่เหลือไปนวดกันเพื่อรอเวลาทานข้าว ส่วนหน่อยนั่งอ่านหนังสือรอค่ะ


วันนี้เป็นวันเสาร์ ชาวไทยที่มาพักที่นี่ค่อนข้างเยอะ เค้าเลยเสิร์ฟอาหารเร็วหน่อย (ซะงั้น) คุณเพื่อนเลยเซ็งกันเป็นแถบ

หลังจากทานข้าวแล้วเราก็มานอนดูดาวและพูดคุยกันเช่นเคย แล้วก็แยกย้ายกันไปนอน

วันถัดมาหน่อยตื่นสายอีกตามเคย ทานอาหารเช้า อาบน้ำ เก็บของลงเรือ กลับกรุงเทพค่ะ

บ๊าย บาย จังเกิ้ลราฟท์ เราจะคิดถึงเธอนะ



สิ่งที่ได้จากการมาพักที่นี่ 

- การลดทอนความสะดวกสบายบางอย่าง มันก็ไม่ได้ลดทอนความสุขของเราเท่าไรหรอกนะ
- ปิดมือถือ ไม่มีไฟใช้ เราก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่นา
- นานๆ ได้นอนดูดาวที มันก็สวยดีนะ
- สมองโล่งมาก ลดอาการปวดหัวได้ดี
ฯลฯ

ทริปนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เพราะคนเราบางทีการไปเที่ยวก็แค่เปลี่ยนที่นอน เปลี่ยนบรรยากาศอะเนอะ ก็ไม่ได้อยากบู๊หรือชีพจรลงเท้าซักเท่าไร ก็เสนอเป็นทางเลือกสำหรับใครที่อยากจะปลีกวิเวก หลีกหนีความวุ่นวายนะคะ

สำหรับตอนหน้าเป็นเรื่องฝรั่งมาบ้าน episode 2 จะเป็นใครเชื้อชาติไหน หรือจะเป็นผู้ชาย (อร๊ายย อีนี่แรง) คอยติดตามนะคะ วันนี้ขอตัวไปเก็บบ้านก่อนค่ะ เจอกันตอนหน้าค่ะ