Friday, November 6, 2015

ปฐมblog...ไปมาเก๊าตามใจเก๊า


สวัสดีค่ะ ขอแนะนำตัวก่อน ชื่อหน่อยค่ะ เป็นผู้หญิงวัยเกือบๆ กลางคนร่างยักษ์รักการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ
สำหรับ "เจอนั่น...เจอนี่" (Journal, Journey) ก็ทำมาเพื่อสนองความอยากของตัวเองที่จะเล่าเรื่องที่พบเจอระหว่างท่องเที่ยว ข้อมูล tips หรือสิ่งอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เพราะในชีวิตจริงไม่ค่อยมีใครฟังเรื่องที่หน่อยเล่าเท่าไร (ฮ่าๆ)

เริ่มจากทริปล่าสุดที่ไปมาเก๊าเลย  ทริปนี้ไปคนเดียวค่ะ เพราะเพื่อนไม่คบ 555
หน่อยจองตั๋วของ air asia ตั้งแต่เดือนมิถุนาได้มั้ง (ถ้าจำไม่ผิดนะ) เดินทาง 31ตค - 2 พย ราคา 33xx บาท

การไปมาเก๊าครั้งนี้เป็นการไปเยี่ยมเยือนครั้งที่ 2 หลายคนสงสัยว่าทำไมมันต้องไปซ้ำด้วย สาเหตุคือ
1. คราวก่อนเวลาน้อย ไปได้ไม่ครบ
2. แลนด์มาร์คอย่าง โบสถ์เซ็นต์ปอล ก็ไม่ได้ไป เพราะหลง ทาร์ตไข่ก็ไม่ได้กิน (รู้สึกว่าพลาดมาก)
3. บ้านเมืองสวยงาม เหมาะแก่การถ่ายรูปลง social network (แต่ก็ไม่เห็นลงซักรูป)
4. ค่าเดินทาง ค่าครองชีพ ไม่ได้แพงมากนัก
5. อยากไปพักผ่อนในที่อากาศกำลังสบายๆ ไม่ร้อนไม่หนาว (ข้อนี้ฟินมากกกกกก)
6. ข้อนี้สำคัญมาก น่าจะเป็นเหตุผลหลักๆ ที่มาคราวนี้ คือ เหรียญที่เหลือจากคราวก่อนมีเยอะมากกกก ที่ superrich ไม่รับแลกคืน เลยต้องหาวิธีใช้ให้หมด (สมงสมองไปหมดละ)


แล้วอย่างนี้จะรอช้าอยู่ใย จองโลดดดดด

พอถึงวันเดินทาง อิชั้นไปรอตั้งแต่ 9 โมง อยากเที่ยวแล้วๆ
พอขึ้นเครื่องคุณแอร์สุดสวยบอกว่าพนักงานกำลังเติมน้ำมันเครื่องบินอยู่  ให้ปิดอุปกรณ์สื่อสารด้วย
โชคดีที่อิชั้นนั่งอยู่ริมหน้าต่าง  เลยได้เห็นว่าเค้าเติมน้ำมันเครื่องบินกันยังงัย

หลังจากนั้นเครื่องก็เหินทะยานสู่มาเก๊า 
นี่คือรูปถ่ายท้องฟ้าและปีกเครื่องบินรูปที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้



พอเครื่องแลนดิ้งและผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ชะนีไทยผู้พิศมัยในของฟรีอย่างดิชั้นก็ไม่พลาดที่จะขึ้นรถฟรีของเวเนเชี่ยน ซึ่งเป็นคาสิโนชื่อดังของที่นั่น เพื่อจะเข้าเมือง ซึ่งเมื่อไปถึงแล้วก็อดตะลึงกับความวิจิตรอลังการของแหล่งพนันแห่งนี้ไม่ได้



ดูสิ ขนาดห้องน้ำยังหะรูหะรา เว่อร์วังอลังการเลย

ที่นี่ไม่ได้มีแค่การพนันอย่างเดียวนะคะ เค้ามีทั้งโรมแรม ร้านอาหาร ศูนย์การค้าด้วย ใครที่ไม่อยากกระเตงสัมภาระไปเล่นไพ่หรือช้อปปิ้ง หรือนั่งเรือกอนโดล่า (ที่นี่ก็มีนะ แต่เก๊ามะได้ไปตรงนั้น) ก็มีเคาท์เตอร์ฝากกระเป๋าด้วยนะคะ สนนราคาอยู่ที่ 10 เหรียญ (1 เหรียญ ประมาณ 4.5 บาท ณ ช่วงที่หน่อยไปนะคะ)
เดินป้วนเปี้ยนไปมาในเวเนเชียน นอกจากความสวยงามอลังการก็ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจซักนิด การพนันก็ไม่อยากเล่นเพราะไม่มีตังค์ 555 เลยไปขอแผนที่จากน้อง PR สุดหล่อของเวเนเชียน เพื่อจะวางแผนเดินทางต่อไป

หมายเหตุ 1: staff ของโรงแรม หรือ คาสิโน ที่มาเก๊าเกือบทุกที่ นอกจากจะพูดภาษาอังกฤษได้ค่อนข้างดีแล้ว ผู้ชายยังหน้าตาดีมว๊ากกกกก โดยเฉพาะ พนักงานconcierge  โรงแรมที่หน่อยพัก หล่อจนอยากจะถามว่า "นอกจากน้องจะรับฝากกระเป๋าแล้ว รับฝากหัวใจเจ้ด้วยได้มั้ยจ๊ะ" (อี๋....เสี่ยวว่ะ) 

หมายเหตุ 2: รถรับส่งฟรีของ casino มักจะมี wifi ฟรี สามารถอัพ status เกร๋ๆ จากบนรถได้

พอได้แผนที่ อีป้าก็ช๊อค เพราะนึกว่าเวเนเชียนนั้นอยู่ฝั่งมาเก๊า กรี๊ดดดด ทำไมไม่บอกว่าอยู่ไทปา

หมายเหตุ 3: มาเก๊าแบ่งเป็น 4 เขตค่ะ คือ มาเก๊าเป็นเขตเดียวที่ติดจีนแผ่นดินใหญ่ อีก 3 ส่วน อยู่บนเกาะ คือ ไทปา โคไทและโคโลอาน 


ภาพจาก expedia.co.in ค่ะ

หลังจากอีป้าได้สติ ก็คิดหาหนทางไปโรงแรม เลยนั่งรถฟรีของเวเนเชียนกลับไปที่สนามบินอีกรอบและนั่งแท๊กซี่ ไปโรงแรม สนนราคาค่าโดยสารอยู่ที่ 75 เหรียญ (โฮกกกก กินข้าวได้ 2 มื้อเลยนะนั่น) 
มาถึงโรงแรมที่อิชั้นพักบ้าง  โรงแรมนี้ชื่อว่า Harbourview Hotel ตั้งอยู่ติดๆ กับ Fisherman Wharf เลยค่ะ 



ข้างนอกดูธรรมดาเฉยๆ แต่ดูข้างในซะก่อน


กรี๊ดดดด นี่มัน อร๊ายยยยย (ไม่รู้กรี๊ดทำไม รู้แต่ว่ามันดีมาก)
หน่อยจองจาก booking.com เห็นในรีวิวเค้าบอกว่าสะอาดดี staff ที่นี่ดี แต่นี่มันเกินคาดมากกกก
 ยัง ยังไม่หมดค่ะ

พอไปเช็คอิน พนักงานบอกว่า ได้อัพเกรดห้องจาก standard เป็น suite อะไรซักอย่างฟรี ทีแรกคิดว่าคงแค่ใหญ่ขึ้นนิดหน่อยล่ะมั้ง  ที่ไหนได้ 1 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่นค่ะคู้นนนนน
อยู่คนเดียวยิ่งทำให้รู้สึกว่ามันใหญ่มากกกกกกก



ห้องนั่งเล่นค่ะ เหมือนห้องรับรองแขกอะไรแบบนั้น

เตียงนอน


ทีวีและโต๊ะทำงานในห้องนอน ดีเวอรรรรรรร์

ห้องน้ำ ใช้ผลิตภัณฑ์ของ L'occitane ซะส่วนใหญ่ หรูป้ะล่ะ

มีกระจกใสระหว่างห้องนอนกับห้องน้ำด้วย  อึ๋ยยยยย

หลังจากชื่นชมจากห้องนอนได้ซักพัก อิชั้นก็สำเหนียกว่า มาเที่ยวนะว้อยย ไม่ได้มาชื่นชมโรงแรม
เลยคว้ากระเป๋าและแผนที่ออกไปขึ้นรถเมล์สาย 3A จากฝั่งตรงข้ามโรงแรมเพื่อไปที่ senado square และซากโบสถ์เซ็นต์ปอล

หมายเหตุ 4: ถ้าจะไป senado จริงๆ ควรขึ้นฝั่งโรงแรม ไม่ใช่ขึ้นฝั่งตรงข้ามนะจ๊ะ รถเลยไปจอดที่ barrier gate ซักพักแล้วถึงจะเดินรถต่อ ซึ่งค่อนข้างอ้อมไม่แนะนำค่ะ ส่วนอีป้านี่ก็ไม่รู้เรื่องเห็นเค้าจอดนึกว่าสุดสายก็ลงเฉย แล้วดันไปต่อสายอื่นอีก โง่ป้ะล่ะ

จำไม่ได้ว่าตรงที่ลงรถเค้าเรียกว่าอะไร เห็นในแผนที่บอกว่านี่คือป้ายที่ใกล้ซากโบสถ์ที่สุดละ ก็เลยลง ผู้คนก็เยอะพอสมควรแต่ไม่แออัดนัก เดินมาเรื่อยๆ ตามป้ายบอกทางก็จะพบกับ ท้าด่าาาาา!!!!!


Ruin of St. Paulo หรือเรียกแบบไทยๆ ว่าซากโบสถ์เซ็นต์ปอล 
เรื่องของประวัตินั้น ไปหาอ่านจาก google เอานะคะ


อีกมุมนึงที่ไม่เห็นคน

ระหว่างที่ชื่นชมกับซากโบสถ์อยู่นั้น ท้องเจ้ากรรมก็ร้อง เพราะตั้งแต่เท้าแตะแผ่นดินมาเก๊านั้นยังไม่มีผู้ชาย เอ๊ย อาหารตกถึงท้องเลย ตาก็เหลือบไปเห็นข้างๆ ทางขึ้นโบสถ์ เป็นร้านขายลูกชิ้นเสียบไม้ อาหารพื้นเมืองของที่นี่
ไม้ละ 20 เหรียญ เลยจัดมา 1 ไม้ถ้วน 

อิ่มท้องละก็เดินสำรวจรอบๆ และเดินไป senado sqare ย่านใจกลางเมืองคล้ายๆ สยามสแควร์บ้านเรานี่ล่ะค่ะ
จัดว่าย่านนี้มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นมากสุดล่ะมั้ง


โบสถ์อะไรก็ไม่รู้จำชื่อไม่ได้ จะได้เห็นอีกทีวันที่ 3 ค่ะ


จริงๆ ย่านนี้มันก็ไม่ได้กว้างนะ แต่หน่อยเดินนานมากกกกก  เพราะของล่อตาล่อใจมันเยอะเหลือเกิน
เครื่องสำอางเอย น้ำหอมเอย giordano เอย bossini เอย โอ๊ยยยยย
ยุบหนอ พองหนอ ยุบหนอ พองหนอออออ

ข่มใจได้แล้วก็หาอะไรใส่ท้องอีกรอบอย่างจริงจัง เดินไปเดินมาก็เห็นร้านข้าวร้านนึงมีรูปข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ ข้าวหมูกรอบ ฯลฯ เลยสั่งข้าวมันไก่ผสมหมูกรอบมา 1 จาน

ให้เยอะเหมือนกันนะ กินไม่หมดเลย รสชาติเค็ม มันๆ เลี่ยนๆ แต่คุณลุงที่นั่งโต๊ะเดียวกันสั่งซะพูนจานเลย
มื้อนี้ค่าเสียหาย 38 เหรียญ

หลังจากนั้นก็ซื้อของไปตุนที่ห้องไว้กินตอนเช้า และขึ้นรถเมล์สาย 10 กลับโรงแรม

โอย เขียนวันแรกก็เหนื่อยละ ขอจบวันแรกก่อนนะคะ
ขอบคุณที่(ทน) อ่านนะคะ ติได้ ชมได้ค่ะ
แล้วเจอกัน มาเก๊าวันที่ 2 เร็วๆนี้นะคะ


















1 comment: