Saturday, November 21, 2015

ฝรั่งมาบ้าน : Episode 1 ป้าแครี่ แบรดชอว์

สวัสดีผู้อ่านทุกท่านนะคะ
วันนี้เป็นวันฤกษ์งามยามดี เปิดตัว Series ใหม่ของเจอนี่ เจอนั่นนะคะ ชื่อว่า ฝรั่งมาบ้าน

ในซีรี่ย์นี้หน่อยจะเขียนเกี่ยวกับการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่สำหรับคนไทยค่ะ นั่นคือ Couch Surfing

มันคืออะไร?

อธิบายง่ายๆ คือการเปิดบ้านให้คนที่เป็นสมาชิกเว็บนี้ให้มาพักได้ฟรีเพื่อการท่องเที่ยว
และเราสามารถไปพักกับสมาชิกคนอื่นได้ฟรีเช่นกัน เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่มีงบจำกัด แต่กินง่ายอยู่ง่าย

น่าสนใจมั้ยล่ะ

ลองเข้าไปดูได้ที่ https://www.couchsurfing.com/

ไว้ว่างๆ จะอธิบายขั้นตอนการใช้งานให้อ่านกันนะคะ

สำหรับสมาชิกคนแรกที่มาพักกับหน่อย หน่อยไม่สามารถเปิดเผยชื่อที่แท้จริงของนางได้ด้วยจรรยาบรรณของวิศวกร (ข้อไหนวะ)
เพราะนางหนีลูก หนีครอบครัวมาค่ะ นางบอกว่าที่เยอรมันไม่มีใครรู้เลยว่านางมาที่นี่ ยกเว้น หมาของนาง 

หน่อยขอเรียกนางว่า ป้าแครี่ แบรดชอว์ละกันค่ะ
เพราะนางมีทั้งรูปลักษณ์และนิสัยคล้ายๆ ตัวละครที่ชื่อแครี่ แบรดชอว์  (แสดงโดย Sarah Jessica Parker) เป็นตัวเอกในซีรีย์ Sex And The City เลยค่ะ ใน profile นางบอกว่ามาจากเยอรมัน

อะ มโนกันไปก่อน ว่าหน้าตาประมาณนี้ (แต่นางมีอายุมากกว่านี้นะคะ หน่อยว่าตอนนางสาวๆ น่าจะสวยประมาณนี้ล่ะ เผลอๆ สวยกว่าด้วยซ้ำ)



หมายเหตุ1 : เกณฑ์การรับฝรั่งเข้าบ้านของหน่อยคือ 
1. เป็นผู้หญิงเดินทางคนเดียว (อยากรับผู้ชายเหมือนกัน แต่กลัวว่าหน่อยจะไปทำมิดีมิร้าย เดี๋ยวผู้ชายเค้าจะเสียหาย)
2. อ่าน reference  ประวัติ หรือ lifestyle แล้วคิดว่าน่าจะอยู่ด้วยกันได้

พอเราตกลงกันว่า ป้าแครี่จะมาพักที่คอนโดรูหนูของดิชั้นแล้ว เราก็จะบอกข้อจำกัดหรือข้อตกลงของแต่ละคน เช่น
นางถามว่านางจะสูบบุหรี่ได้มั้ย หน่อยสามารถพาไปเที่ยวเฉพาะเสาร์อาทิตย์ได้หรือเปล่า เป็นต้น และสุดท้ายนางขอเบอร์ดิชั้นเพื่อจะติดต่อผ่าน whatsapp 

หมายเหตุ 2: ทักษะภาษาอังกฤษของป้าแครี่เรียกได้ว่าเป็น broken english เลยค่ะ (แต่ของหน่อยก็ใช่ว่าจะดี 555) สื่อสารค่อนข้างจะลำบาก แต่ก็พอเข้าใจสิ่งที่ป้าพูดนะ

พอถึงวันที่นางจะเข้าพัก นาง sms มาถามว่าจะเจอกันที่ไหน กี่โมง หน่อยเลยขอนัดเจอนางตอนเที่ยงๆ ที่ Terminal21 ระหว่างนั้นเราส่ง sms กันไปมาหลายรอบ จนกระทั่ง นางต้องโทรด้วยเบอร์โทรของนาง แล้วให้รปภ ของห้างคุย สุดท้ายเราก็เจอกันแล้วก็นั่งแท๊กซี่เอาสัมภาระของป้ามาเก็บที่คอนโดก่อน

พอถึงคอนโดเราคุยกันว่าจะวางแผนไปไหนกันบ้าง นางบอกว่านางชอบธรรมชาติและเมืองเก่าๆ ค่ะ
ตอนนั้นก็บ่าย 2 ละ เลยตัดสินใจพานางไปเที่ยว เมืองโบราณ สมุทรปราการค่ะ เพราะว่าอยู่ไม่ไกลจากคอนโดมากและเป็นสถานที่ที่น่าสนใจค่ะ

หน่อยเลยเรียก grabcar (eco) เพื่อที่จะไปเมืองโบราณ 
ระหว่างที่นั่งรถกันไปเราก็คุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเยอะมาก 
นางเล่าว่านาง เป็นชาวตุรกี แต่อยู่ที่เยอรมันมานานมาก สาเหตุที่ปกปิดที่บ้านเรื่องมาเที่ยวเพราะนางป่วยหลายอย่าง
ที่หนักที่สุดคือ เป็นโรคความดันโลหิตสูงค่ะ เกิน 220 เลยอะ ซึ่งสูงมากจนหมอต้องทำบอลลูนในเส้นเลือดให้
ถ้าเห็นปริมาณยาที่หมอจ่ายให้นาง คุณอาจจะช๊อคได้ เรียกว่ากินยาเหมือนกินขนมกันเลยทีเดียว

เลยถามป้าแกว่า "แล้วถ้าเพื่อนชวนไปกินข้าวหรือไปเที่ยว ป้าจะทำไงอะ"
นางตอบว่า "ไอก็จะตอบไปว่า ไม่สบายไม่อยากออกไปไหนเลย ไว้วันหลังนะ"
ร้ายจริงๆ นะป้า

หมายเหตุ 3: ป้าโชว์รูปลูกสาวนางให้ดูด้วย  อายุน่าจะรุ่นเดียวกับหน่อยค่ะ สวยมากกกกกกกกก (ก ไก่ 50 ตัว)
เป็นดาราได้เลย

หมายเหตุ 4: คุณผู้อ่านที่เป็นผู้ชายไม่ต้องมาขอเบอร์ป้าแครี่เพื่อหวังอย่างอื่นนะคะ ลูกสาวป้าแต่งงานแล้วค่ะ เสียใจด้วยค่ะ คุณไม่ได้ไปต่อค่ะ!!!! 


พอถึงเมืองโบราณ ป้าขอสูบบุหรี่ก่อนเข้าไปค่ะ นางติดบุหรี่มากกกกกก
สูบแทบจะทุกๆ 30 นาทีเลยทีเดียว

พอไปซื้อตั๋ว นางยื่นบัตรประมาณว่าเป็นผู้ป่วยเพื่อจะขอเข้าฟรี  แต่ก็ถูกปฏิเสธ สรุปนางจ่าย 700 หน่อยจ่าย 350 ค่ะ

หมายเหตุ 5: ที่เยอรมันสวัสดิการดีมาก คนป่วย คนพิการสามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ฟรีค่ะ

ซื้อบัตรเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่พาเรานั่งรถกอล์ฟ พาเราไปรอที่ตลาดน้ำเพื่อจะไปทัวร์กับไกด์รอบบ่าย 3
เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง เลยชวนป้าแกกินผัดไทย แกกินหมดเกลี้ยงเลย ดีใจยังกะทำให้ป้าแกกินเอง

พอบ่ายสามก็มีรถรางมารับ มีน้องไกด์ผู้หญิงกับพี่คนขับรถ
น้องก็พาไปดูโน่นนี่นั่น ช่วงแรกๆ ป้าแกก็ตื่นตาตื่นใจกับการถ่ายรูปมาก พอไปซัก 3 ที่ ป้าแกก็เริ่มเหนื่อยมาก เพราะอากาศค่อนข้างร้อน เลยขอหยุดการทัวร์รถราง แล้วไปทัวร์ทางน้ำแทน



คราวนี้ป้าแกค่อยอารมณ์ดีขึ้นหน่อย


มีการจำลองเรือพายหลวงด้วยค่ะ

พอหมดเวลาของไกด์ รถรางก็ไปส่งเราที่ทางเข้า ป้าร้องอยากกินกาแฟแล้ว
ก็เลยพาไปกินกาแฟโบราณ (เหมือนหน้าดิชั้น) ซึ่งป้าชอบมาก
ระหว่างนั้นป้าก็ขอให้แชร์ wifi จากมือถือ เพราะนอกจากบุหรี่แล้วป้าก็ติดกาแฟและอินเตอร์เน็ตอย่างหนัก

หมายเหตุ 3: ตลอด 3 วันดิชั้นเปิด hotspot ที่มือถือเพื่อแชร์ อินเตอร์เน็ตให้ป้าเกือบตลอดเวลาที่อยู่นอกบ้าน

พอพักหายเหนื่อย เราก็ขี่จักรยานชมรอบๆ เมืองโบราณ ป้าชอบขี่จักรยานมาก อีกทั้งตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้วคนน้อยมาก เป็นสวรรค์สำหรับเราสองคนเลยทีเดียว



ตะวันตกดิน ลมเย็นๆ ป้าสูบบุหรี่ไปฟังเพลงไป ยุงก็กัดไป
ดิชั้นกลัวป้าจะเป็นไข้เลือดออกแล้วมีคนมาแอบอ้างว่าคุณมัดมาบีบคอ เลยรีบชวนกันกลับ

เราโบกแท๊กซี่กลับ พอถึงคอนโด หน่อยก็ชวนป้ากินข้าวที่ร้านใต้คอนโด
เลยถือวิสาสะสั่งข้าวไข่เจียวกุ้งให้ป้ากิน แล้วของตัวเองก็สังกะเพราปลาหมึกไข่ดาวพร้อมกับต้มยำกุ้งเป็นซุปไว้กินด้วยกัน

ป้าลองชิมต้มยำ แกบอกว่าเผ็ดมาก ส่วนข้าวไข่เจียวแกกินหมดเกลี้ยงอีกเช่นกัน

พอถึงห้องป้าชวนไปว่ายน้ำที่สระของคอนโด พร้อมกับนำโรตีที่ซื้อมาจากอาบังหน้าคอนโดและเป็ปซี่ไปด้วย เป็นการว่ายน้ำที่เก๋ที่สุดตั้งแต่ดิชั้นเคยพบเห็นมา 

ถึงเวลานอน ป้าแครี่เลือกที่จะนอนที่โซฟา เพราะรังเกียจดิชั้น เอ๊ย ไม่ใช่ เพราะป้าอยากนอนเป็นส่วนตัวค่ะ อีกอย่างป้าแกได้สูบบุหรี่ได้สะดวกด้วย

ก่อนนอนป้าโชว์เครื่องวัดความดันที่หน้าตาคล้ายนาฬิกาข้อมือค่ะ  ป้าลองวัดดูได้ประมาณ 140/88 ป้าเซอร์ไพรส์มาก เราก็ยินดีกับป้าด้วย แล้วป้าก็คะยั้นคะยอให้เราวัดปรากฎว่าได้ 160/90 โดยประมาณ หน่อยเลยบอกป้าว่า "ป้า เดี๋ยวหนูเขียนเบอร์แท๊กซี่ไว้ให้นะ  ถ้ามีไรพาหนูขึ้นแท๊กซี่ไปโรงบาลด้วย"

แล้วเราก็แยกย้ายกันไปนอน

วันต่อมา ตัดสินใจว่าจะไปวัดพระแก้ว วันนี้เราตื่นกันแต่เช้า เดินออกมาที่ปากซอยไปขึ้นรถไฟฟ้าแล้วนั่งเรือด่วนเจ้าพระยาไปลงท่าช้างกัน ซึ่งป้าเป็นชาวต่างชาติต้องจ่ายค่าเข้าชม 500 บาท รู้อย่างนี้อยากฟังเพลงขึ้นมาอีกแล้ว


พอเข้าไปเท่านั้นล่ะ ถึงจะอากาศร้อนตับแตกอย่างที่ทั้งป้าแครี่และหน่อยก็ขยาด แต่ป้าก็รัวชัตเตอร์ไม่ยั้ง ขนาดหน่อยที่มาวัดพระแก้วหลายรอบแล้วก็ยังอดหยิบกล้องคอมแพ็คตัวน้อยๆ มาชักภาพไม่ได้ (ชักภาพ คำโบราณเว่อร์รรร) 




ถ่ายรูปครุฑเพราะอยากกินมังคุด (อะไรของมัน)



น่ายัก(ษ์)อะ


เบื้องหลังการกดชัตเตอร์ของป้า


ป้าถ่ายมาเราถ่ายกลับ

หมายเหตุ 4: การแต่งตัวของป้าแครี่แซ่บมาก เสื้อเขียว กางเกงเขียว หมวกสีน้ำเงิน(ของดิชั้นเอง) รองเท้าสีทองและเป้สีแดง ไม่เปรี้ยวจริงไม่กล้าใส่นะแจ๊ะ

ป้าบอกว่าที่นี่สวยมาก แต่ป้าสงสัยว่าพระมหากษัตริย์ไทยประทับอยู่ที่นี่จริงๆ เหรอ เราก็อธิบายความรู้งูๆ ปลาๆ ไป ป้าเล่าว่า "หนูรู้ไหม พระราชาของหนูเนี่ยพระราชทานเงินช่วยนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่ลำบากด้วยนะจ๊ะ" 
โอ้โห ความรู้ใหม่ แล้วป้าก็ไปนั่งแอบๆ สูบบุหรี่ที่มุมอับมุมหนึ่ง แหม ป้างดซักแป๊บไม่ได้เหรอเนี่ยกำลังซึ้งเลย

พอออกจากวัดพระแก้วแล้ว ฝนทำท่าจะตก นี่มันเดือนพฤศจิกาแล้วนะ!!!!


ป้าอยากหาที่หลบฝน กินกาแฟและที่สำคัญต้องสูบบุหรี่ได้ เราจึงเดินไปบนถนนเส้นหน้าพระลาน พอนางเห็นม.ศิลปากรเท่านั้นแหละ นางก็เข้าไปถ่ายรูป พร้อมทั้งให้ดิชั้นหาร้านกาแฟให้ เราก็ไปนั่งตรงที่เป็นศาลาจีนเขียวๆ แล้วดิชั้นก็ไปสั่งกาแฟที่ซุ้ม ระหว่างนั่งกินกาแฟ ดิชั้นก็หามุมถ่ายรูปไปพลางๆ


หมายเหตุ 5: จริงๆ เคยมาที่นี่หลายครั้งนะคะ เพิ่งมีครั้งนี้แหละที่คิดว่าศิลปากรท่าพระน่าถ่ายรูป (เด็กศิลปากรอย่าโกรธเก๊านะ)


ซุ้มเขียวที่เรานั่งหลบฝนกันค่ะ ป้าแครี่ฟังเพลงซะเคลิ้มเชียว

พอฝนหยุดตกแล้ว ป้านั่งจัดของแล้วก็ทำหน้าเลิกลั่ก ถามนางว่าเกิดอะไรขึ้น นางบอกว่านางทำตังค์หาย 500 (ตังค์ทอนค่าเข้าวัดพระแก้วน่ะค่ะ) ก็เลยบอกนางว่าหาดีๆ ค่อยๆ หา นางก็หาเงินซักพักก็ยังไม่เจอ ก็เลยบอกนางว่า"ไม่เป็นไรหรอก อย่าเสียใจเลย เดี๋ยวเย็นนี้หนูเลี้ยงพิซซ่าปลอบใจ" นางยิ้มได้น้อยๆ แล้วเราก็เดินไปเที่ยววัดโพธิ์กันต่อค่ะ เช่นกันที่นี่ป้าก็กดไปหลายรูปค่ะ



มีน้องนักศึกษามาสัมภาษณ์ถ่ายคลิปไปส่งอาจารย์ค่ะ  ป้าถามว่า "ป้าจะดังแล้วใช่มั้ย" แหมป้า ถ่ายไปส่งอาจารย์นะป้า ไม่ใช่ ออกทีวี


หลังจากให้สัมภาษณ์น้องๆแล้ว ป้าร่ำร้องว่าอยากไปนวด ได้ค่ะจัดให้ ครึ่งชั่วโมง 260 

ข้อแนะนำ: ที่วัดโพธิ์และร้านนวดอีกหลายๆ ที่นวดค่อนข้างแรง กลับไปไข้ขึ้น ก่อนนวดกรุณาย้ำกับหมอนวดว่า เบาๆ หน่อยนะคะ ถึงหนูจะตัวเหมือนหมี แต่กล้ามเนื้อบอบบางนะตะเอง


ออกจากวัดเราก็กลับคอนโดค่ะ  วันนี้ทำตามสัญญา พอไปถึงคอนโดสั่งพิซซ่าฮาวายเอี้ยนอย่างที่ป้าอยากกินให้เลย ป้าชอบมากกก พอกินเสร็จป้าวัดความดันทั้งตัวป้าเองและดิชั้น ผลคือความดันป้าต่ำกว่าเมื่อวาน แสดงว่าการมาเที่ยวช่วยลดความดันใช่มั้ยเนี่ย

วันต่อมา หน่อยตื่นสาย เพราะเมื่อคืนดูฮอร์โมนส์กับเล่นเน็ตดึกไปหน่อย ป้าลงไปว่ายน้ำรอบนึงแล้วขึ้นมา
ป้าขอออกหลังเที่ยง เราก็กว่าจะอาบน้ำแต่งตัว เสร็จเกือบๆ เที่ยง ฝนเจ้ากรรมดันตกอีกแล้ว (ย้อนกลับไปฟังเพลง November Rain ได้ที่ข้างบนค่ะ) กว่าฝนจะหยุดก็เกือบบ่ายโมงครึ่ง หน่อยก็เลยเรียกแท๊กซี่ไปที่วัดบางนานอก เพื่อที่จะไปปั่นจักรยานที่บางกระเจ้าค่ะ

สาเหตุที่เลือกพาป้าแครี่มาที่บางกระเจ้าเพราะว่านางชอบปั่นจักรยานและชอบธรรมชาติ  อีกทั้งที่นี่ไม่ไกลจากคอนโดเท่าไร ที่นี่คงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดค่ะ

พอไปถึงเราก็เช่าจักรยาน ที่หมายแรกคือ บางกอกทรีเฮ้าส์ค่ะ


ที่นี่เรากินมื้อเช้าควบกลางวันกัน อาจจะเหมือนฝรั่งที่กิน Sunday Brunch แต่จริงไม่ใช่อะไร ที่คอนโดไม่มีอะไรกิน 555

นั่งพักคุยกันเม้าท์มอยซักพัก เราก็ปั่นกันต่อไปที่พิพิธภัณฑ์ปลากัดแล้วก็ปั่นเล่นในสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ค่ะ

ป้าบอกว่า "แผนการเที่ยวของหนูนี่ดีทุกวันเลยนะ" ไม่รู้ว่าป้าพูดกลัวเราเสียน้ำใจหรือชมเรากันแน่
แต่ยังงัยก็ขอบคุณป้านะคะ

ตอนเย็นป้าบอกว่าจะทำกับข้าวให้กิน แต่ป้าก็ผิดหวังเล็กน้อยที่คอนโดไม่มีเครื่องครัวอะไรเลย นอกจากหม้อหุงข้าวดิจิตอล 1 ใบ และ เตาไมโครเวฟ ป้าเลยทำได้แค่หุงข้าวแบบตุรกีค่ะ ตือเป็นข้าวหุงกับเนยและใส่เกลือไปนิดหน่อย กินกับใส้กรอกเซเว่น อร่อยดีนะ ไว้ว่างๆ หนูจะหุงกินเองนะคะป้า

เช้าวันต่อมา ป้าต้องไปเกาะช้างแล้ว ดิชั้นไปส่งป้าที่อนุสาวรีย์ แอบเหงาๆ เหมือนกันนะเนี่ยป้าไม่อยู่แล้ว
ก่อนไปก็ฝากป้าไว้กับน้องคิวรถตู้ แล้วก็กอดลาป้าไปทำงาน

ตอนนี้ป้าอยู่เกาะช้าง ดูนางแฮปปี้ดีค่ะ นางบ่นว่ายุงที่โน่นเยอะมาก เลยบอกนางว่าซื้อยากันยุงมาใช้ด้วยนะ
ดิชั้นกลัวคุณมัดมาบีบคอค่ะ

จบการต้อนรับฝรั่งแปลกหน้าแล้ว ไว้คราวหน้าถ้ารับใครเข้าบ้านอีกจะมาเล่าให้ฟังนะคะ
วันนี้ขอตัวไปกำจัดกลิ่นบุหรี่ในบ้านก่อน ไว้ถ้ามีเรื่องอะไรเกี่ยวกับการท่องเที่ยวจะมาเล่าให้ฟังใหม่ค่ะ


























No comments:

Post a Comment